เปิดตำนาน"ศาลเจ้าพ่อเสือ"เสาชิงช้า

     
     
  "ศาลเจ้าพ่อเสือ"เสาชิงช้า
      โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เสือร้ายตรอมใจกระโดดเข้ากองไฟ ที่มา"ศาลเจ้าพ่อเสือ"เสาชิงช้า
ศาลเจ้าพ่อเสือ เสาชิงช้า เป็นศาลที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย แต่เดิมตั้งอยู่ถนนบำรุงเมือง หลังจากการนั้นมีการขยายถนนในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงทำให้ต้องมีการย้ายศาลเจ้าพ่อเสือมาไว้ ณ บริเวณ ถนน ตะนาว จนถึงปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันศาลเจ้าพ่อเสือมีอายุมากกว่า 100 ปี และได้รับการคัดเลือกให้เป็นโบราณสถาน ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย
ลักษณะอาคารสร้างตามรูปแบบศาลเจ้าที่นิยมทางภาคใต้ของจีน องค์ประธานของศาลเจ้าพ่อเสือ คือ ตั๋วเหล่าเอี้ยหรือเจ้าพ่อใหญ่ เทพเจ้าตั่วเหล่าเอี๊ย หรือองค์เทพเฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่ นั้นเป็นที่นิยมของผู้คนให้พาไปกราบไหว้ขอพรกันอย่างเนืองแน่นในวันตรุษจีน (วันปีใหม่ของจีน) เพื่อให้มีโชคมีชัยตลอดทั้งปี ณ ศาลเจ้าพ่อเสือและยังมี เจ้าพ่อเสือซึ่งชาวจีนถือเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องอภิบาลและปราบปรามศัตรู
ศาลเจ้าพ่อเสือเดิมมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ปีที่ก่อสร้างตรงกับ พ.ศ. 2377 มีความเกี่ยวเนื่องกับวัดมหรรณพาราม

ตามตำนานที่ได้เล่าขานเรื่องของ เจ้าพ่อเสือเล่ากันว่า ยายผ่องและนายสอน สองแม่ลูกที่มีชีวิตลำบาก ด้วยความยากจนทุกๆวันนายสอนจะต้องเข้าป่า ไปเก็บของป่ากลับมาให้มารดาเสมอ วันหนึ่งนายสอนได้ออกหาของป่าเหมือนทุกวันๆ แต่วันนี้ของกลับหายากจึงต้องเดินลึกเข้าไปในป่า เขาได้พบกับซากกวางพึ่งตายใหม่ๆ เขารู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีเสือผู้เป็นเจ้าของซากกวางอยู่บริเวณนี้เป็นแน่ แต่ด้วยความกตัญญู นายสอนได้รำลึกถึงมารดา เขาอยากให้มารดาได้รับประทานเนื้อกวางนี้ จึงได้เข้าไปตัดเนื้อกวางมาได้ก้อนหนึ่ง เสือที่ซุ่มอยู่ ได้กระโจนเข้ามากัดนายสอน ขย้ำได้แขนของนายสอนไปข้างหนึ่งและกระโจนจากไป นายสอนจึงค่อยตะเกียกตะกายกลับไปหามารดา แม้จะบาดเจ็บสาหัสแต่ด้วยใจที่รำลึกถึงมารดา เขาได้พาตัวเองกลับมาถึงบ้านได้ เมื่อยายผ่องผู้เป็นมารดาเห็นสภาพบุตรชาย จึงรีบถลาเข้ามา นายสอนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังจากนั้นจึงสิ้นใจ
ยายผ่องโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากได้นำเรื่องไปแจ้งแก่นายอำเภอเพื่อให้ช่วยตามเสือร้ายนั้นมาลงโทษ นายอำเภอเห็นใจและรวมตัวกับปลัดไปออกตามหาเสือร้ายตัวนั้น หาเท่าใดๆก็ไม่พบ ปลัดจึงไปยังวัดมหรรณพาราม ไปอธิษฐานหลวงพ่อบุญฤทธิ์ และหลวงพ่อพระร่วง (พระประธานใหญ่ในวัดมหรรณพาราม )หลังจากนั้นปลัดได้พบเสือนอนหมอบให้จับอย่างง่ายดาย
เมื่อจับเสือได้ จึงนำตัวมันมาตัดสินประหารชีวิตมัน เสือตัวนี้มิได้ขัดขืนแต่อย่างใด ได้แต่น้ำตาไหลรินออกมาจากนัยน์ตาเสือตัวนั้น จนยายผ่องเกิดความสงสารจึงขอให้ยกเลิกประหารชีวิตเสือตัวนี้ แล้วยายผ่องได้นำเสือตัวนี้มาเลี้ยงแทนบุตรชายที่เสียไป ซึ่งเสือตัวนี้ได้กลายเป็นเสือที่เชื่อง เชื่อฟังยายผ่องด้วยความรัก คอยเฝ้าบ้านเฝ้าเรือนให้ยายผ่อง เมื่อยายผ่องเสียชีวิตไป เจ้าเสือเกิดอาการตรอมใจและเมื่อเผาร่างของยายผ่อง เสือตัวนี้ได้กระโจนเข้าไปในกองไฟด้วยสำนึกใจคุณของยายผ่อง สร้างความสลดใจแก่ชาวบ้าน ชาวบ้านจึงร่วมใจกันสร้างศาล ข้างวัดมหรรณพาราม โดยปั้นรูปเสือไว้พร้อมนำเถ้ากระดูกของมันมาไว้ใต้แท่นและทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณเสือมาสถิตไว้ เพื่อปกป้องคุ้มครองและสร้างความเจริญแก่ผู้นับถือ


10 สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปร่วมงานศพ



10 สิ่งที่ควรรู้ก่อนไปร่วมงานศพ
 1 .พกกิ่งทับทิมใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อขณะอยู่ในงาน ชาวจีนโบราณเชื่อว่าถ้าพกกิ่งทับทิมไปงานศพจะป้องกันเราจากสิ่งชั่วร้ายต่างๆที่อยู่ในงาน
2.เตรียมน้ำที่มีใบทับทิมไว้ล้างหน้า เราควรล้างหน้าหลังจากกลับจากงานศพเพื่อกันไม่ให้วิญญาณคนตายตามเราเข้ามาบ้าน
3.นำเข็มกลัดมากลัดไว้ที่เสื้อหรือชุดคลุมท้อง หากสุภาพสตรีท่านใดกำลังตั้งครรภ์ ให้นำเข็มกลัดมากลัดไว้ที่เสื้อหรือชุดคลุมท้องเพื่อป้องกันสิ่งเร้นลับทั้งหลายที่สามารถมาทำอันตรายเด็กได้ นอกจากนี้โบราณยังเชื่อว่าหากนำเข็มกลัดมากลัดจะป้องกันเด็กหลุดอีกด้วย
4.พกมีดขณะอยู่ในงานศพ เพื่อเป็นการป้องกันสิ่งอัปมงคลต่างๆขณะที่อยู่ในงาน
5.ห้ามลอดมองใต้หว่างขาแล้วมองไปยังที่ที่โลงศพตั้งอยู่เพราจะเห็นคนตาย
6.อย่าชมพวงหรีดว่าสวย แม้ว่าพวงหรีดในงานจะสวยแค่ไหนก็ตาม อย่าชมมันเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะมีงานศพตามมาอีก
7.คนที่กำลังไม่สบายไม่ควรไปงานศพ เพราะกำลังมีดวงจิตที่อ่อนแอ วิญญาณและสิ่งอัปมงคลต่างๆจะถือโอกาสเกาะติดกลับมาบ้านด้วย
8 ไม่ควรรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มในงานศพ หากใครที่ดวงชะตาไม่ดีหรือเป็นปีชงไม่ควรรับประทานอาหารและดื่มเครื่องดื่มในงานศพเพราะสิ่งชั่วร้ายต่างๆจะเข้ามาทำร้ายเราผ่านทางอาหารและเครื่องดื่ม
9.ห้ามหยิบดอกไม้จันทน์ส่งต่อกันในงานศพเพราะการยื่นดอกไม้จันทน์ให้กันนั้นคือการหยิบส่งให้คนตาย ดังนั้นจึงเปรียบเสมือนกับการไปแช่งให้ผู้รับตาย
10. ที่สำคัญอย่าลืมนำ “พวงหรีด” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สากลในการไว้อาลัยไปงานศพ เพราะนอกจากจะเป็นการแสดงออกถึงความเสียใจต่อเจ้าภาพและญาติมิตรของผู้ที่เสียชีวิตแล้ว ยังเป็นการแสดงความเคารพต่อเทวดาซึ่งจะนำพาดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตไปสู่สวรรค์อีกด้วย 



.