407 ชื่อนี้จำจนวันตาย


407 ชื่อนี้จำจนวันตาย
    ผมเป็นคนกรุงเทพนะครับแต่มีช่วงนึงที่ต้องเดินทางไปสระบุรีเพราะสอบนายสิบตำรวจได้แล้วศูนย์ฝึกอยู่ที่นั่น ศูนย์ฝึกภาค1 มีกำหนดการเดินทางทั้งหมด 2 วัน ผมเริ่มออกเดินทางจากกรุงเทพไปประมาณช่วง 4 ทุ่ม ถึงสระบุรีก็ดึกมากแล้วครับ วนรถหาโรงแรมกับพ่อ 2 คน หาอยู่นานมากครับ จนประมาณเที่ยงคืนกว่าครับ ไปเจอโรงแรมหนึ่ง อยู่ใกล้ๆทางรถไฟเลย น่าจะอยู่ในตัวเมืองสระบุรีเลยครับ ก็เลยตัดสินใจ เลือกโรงแรมนั้นกับพ่อ
พ่อก็พาเดินเข้าไปที่ร็อบบี้ บรรยากาศในโรงแรมนั้นเงียบมากเลยครับ พนักงานหลอมแหลมมาก ไฟลานจอดรถก็มืดมากครับ ผมกับพ่อได้ห้อง 407 มาครับ มีพนักงานพาไปที่ห้องครับ แว๊บแรกที่เปิดประตูเข้าไป คือ พรมที่ปูพื้นกลิ่นอับมาก คิดในใจตอนนั้นคือโคตรกลัวครับ เพราะโรงแรมน่ากลัว
ขออธิบายลักษณะห้องก่อนนะครับ เปิดประตูเข้าไป จะเจอเตียงเดี่ยว2เตียง วางขวางนะครับ แล้วที่ปลายเตียงจะเป็นห้องน้ำครับ ผมเลือกเตียงในสุดเพราะใกล้น่าต่างครับ แล้วอีกอย่างจะได้ให้พ่อนอนกันให้ กลัวใครมาสะกิดกลางคืนเพราะผมฟังเขาเล่ามาเยอะ ก็นอนเล่น wifi กันไปสักพักครับ
สักพักพ่อผมเอ่ยปากมาเลยครับ เองมานอนข้างนอกนี่มา พ่อหนาว แอร์เจ้ากำทะลึ่งมาลงตรงเตียงพ่อพอดี ปรับอุณหภูมิก็ไม่ได้ ผมก็เลยจำใจต้องไปนอนเตียงนอก เวลานั้น ก็เกือบตี 1 แล้วครับ จัดของกันเสร็จ พ่อเลยไล่ให้ผมไปอาบน้ำแล้วเตรียมตัวนอน เพราะพรุ่งนี้ 7 โมงเช้า ผมต้องสอบว่ายน้ำ ผมก็เลยเข้าไปอาบน้ำ ห้องน้ำไม่เก่า ไม่ใหม่ครับ ข้างในเปิดประตูไปจะเจออ่างอาบน้ำ ชักโครกอยุ่ขวามือ ซ้ายมือเป็นอ่างล้างหน้าครับ
ผมเลยเปิดน้ำอุ่นไว้ให้เต็มอ่าง ระหว่างรอน้ำอุ่นเต็มอ่าง ผมก็นั่งลงบนชักโครกครับ แต่ตอนนั้นผมไม่ได้ถ่ายท้องนะครับ คือนั่งเล่นโทรศัพท์ สักพักครับผมได้กลิ่นเหมือนหนูเน่าครับเหม็นมากลอยมาเตะจมูกแล้วกลิ่นมันหายไป สักพักนึงผมเริ่มหาต้นตอจากกลิ่นแล้วครับ หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เลยนั่งรออีกสักพัก
กลิ่นนั้นลอยมาอีกแล้ว จะว่ากลิ่นจากข้างนอกก็คงไม่ใช่ เพราะในห้องน้ำมีพัดลมดูดอากาศ ผมเลยลุกขึ้นหาอีกรอบนึงคราวนี้สายตาเหลือบไปมองที่กระเบื้องปูพื้น มีคราบเหลืองๆติดอยู่คราบเหลืองแบบเหลืองๆปนขาวๆนะครับ ไม่ใช่เหลืองแบบคราบฉี่ เหลืองแบบน้ำหนองอะครับ แล้วก็มีเส้นผมยาวๆติดอยู่ด้วย แต่ใช้เท้าถูๆ ถูยังไงก็ไม่ออกครับ คือเหมือนมันติดในกระเบื้องเลย แต่มันก็ไม่ใช่ที่มาของกลิ่นนะครับ ผมเลยไม่ได้สนใจ เลยอาบน้ำต่อจนเสร็จครับ
ต่อจากนั้นครับ พออาบน้ำเสร็จเลยจะเข้านอนแล้วครับ ด้วยความเหนื่อยจากการเดินทาง ผมเลยไม่ได้ไหว้พระก่อนนอนครับ หัวถึงหมอนก็อยากนอนเลย เผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ สะดุ้งตื่นมาอีกทีเพราะรู้สึกอึดอัดมากครับ เหมือนมีอะไรมาทับเราอยู่ คือตอนนั้นนอนตะแคงหันหลังให้พ่อนะครับ แล้วผมขยับตัวไม่ได้เลย พูดง่ายๆเลยครับ เหมือนโดนผีอำ ขยับตัวแขนขาขยับไม่ได้เลยครับ แม้แต่ปากจะตะโกนเรียกพ่อ ผมยังตะโกนไม่ได้
แต่ตอนนั้นผมมีสตินะครับ ไม่ได้อยู่ในภวังค์เลย ผมตื่นลืมตาแล้วจริงๆ แต่ขยับไม่ได้ ปากก็จะตะโกนแต่เสียงที่ออกมาเหมือนเราโดนมัดปากแล้วตะโกนอะครับ เลยนึกถึงพ่อแก่ครับ เพราะผมนับถือ ปู่ฤาษีตาไฟ ผมเลยขยับตัวได้ ด้วยความกลัวเลยรีบหันตัวมาเพื่อจะเรียกพ่อ
แต่ทันใดนั้นเองครับ จังหวะที่พลิกตัวมา ไอตาเจ้ากรรมมันดันเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนึงใส่ชุดสีขาวครับ ยืนตัวเปียกอยู่ที่ประตูห้องน้ำ ผมรีบขยี้ตาเหมือนในหนังครับ ที่แรกเขายังไม่หายไป ทีที่สอง เธอหายไป รีบเปิดไฟเลยครับเพราะความกลัว พ่อตื่นขึ้นมาถามว่ามีอะไร ผมไม่กล้าบอก เลยบอกว่าปวดห้องน้ำ เลยเดินเข้าห้องน้ำแล้วเปิดไฟห้องน้ำทิ้งไว้ครับ เพราะจะเปิดไฟห้องกลัวพ่อนอนไม่หลับ
คืนนั้นทั้งคืนผมไม่ได้นอนเลยครับ เพราะความกลัว เช้ามาผมไปสอบว่ายน้ำเสร็จเลยเล่าให้พ่อฟัง พ่อบอกอย่าคิดมาก พ่อไม่เห็นเจออะไรเลย ผมก็ใจดีสู้เสือครับ จะกลับก็กลับไม่ได้เพราะพรุ่งนี้สอบวิ่งครับ
พ่อพากลับมาโรงแรมช่วงเที่ยงๆครับ ด้วยความเหนื่อยผมหลับยัน2ทุ่มครับ ตื่นมาห้องมืดไปหมด ซวยแล้วไหมล่ะ พ่อทิ้งไว้ให้อยู่คนเดียว ผมรีบเปิดไฟเลยครับ สักพักพ่อกลับมา คืนนั้นรู้สึกว่าทางโรงแรมจะแจกรหัส wifi ให้ใช้วันต่อวัน ประมาณ5ทุ่ม ผมเดินออกมาจากห้อง เพื่อจะไปขอรหัส wifi ที่ด้านล่างครับ คือที่ทางเดินมันเงียบมากเลยครับ ไม่มีใครเดินแม้แต่คนเดียว
พอจะถึงหน้าลิฟท์ เสียงอะไรไม่รู้ดัง โครม!!!!!!!!!!! ดังมาก หันไปดูก็ไม่เห็นอะไรครับ แต่รู้ว่ามันดังใกล้มาก เลยรีบลงลิฟท์ไปขอรหัสเสร็จ รีบกลับเข้าห้องให้ไวเลยครับ คืนนั้นผมสวดมนต์ และบอกเจ้าที่เจ้าทางครับ ว่าผมมาสอบ ขอพักอาศัยชั่วคราว อย่าเบียดเบียน อย่ามาหลอกกันเลยครับ คืนนั้นผ่านไปด้วยดีครับ เช้านั้นผมสอบวิ่ง ผ่านไปด้วยดี กลับมาถึงโรงแรมประมาณ 11 โมง ก็อาบน้ำเก็บของกัน เตรียมกลับบ้าน
ผมอาบน้ำเสร็จก่อนพ่อ เลยมานั้งรอที่เตียง ระหว่างรอพอใจก็คิดอยากไปจากตรงนี้ไวๆ ตาก็มองไปทั่ว ไปเห็นตู้เก่าๆตู้นึง แล้วหลังตู้เหมือนมีลำโพงเก่าๆ มีเครื่องเหมือน เครื่องเสียงอะไรเนี่ยแหละแต่เป็นตู้ไม้เก่าๆนะน่ากลัวๆ ผมไม่รู้คิดอะไร ปากไว พูดไปว่า สาธุถ้าคนที่ผมเจอในห้องนี้มีอยู่จริง กลับบ้านไปขอให้ผมถูกหวยด้วยเถิด ผมจะทำบุญให้เลย
กลับจากโรงแรมมาถึงบ้าน ผมไม่ได้จำหรอกครับว่าพูดอะไรไป แทบลืมไปหมดแล้วด้วยซ้ำ เพราะเป็นการเจอผีจังๆครั้งแรก เลยไม่อยากจำ พอมาถึงวันหวยออกนะครับ วันนั้นผมเลิกงานมาก็เช้าครับ เป็นคนทำงานกลางคืน เช้ามาก็นอนยาวๆเลยครับ ตื่นมาอีกทีบ่าย2โมง ที่ผมตื่นเพราะอะไรรู้ไหมครับ ผมฝันเห็นผู้หญิงคนนั้นครับ แต่ในฝันเห็นไม่ชัดเท่าไหร่ แต่รู้ว่าเป็นเขา
พิมพ์ไปขนลุกไปครับ เลยสะดุ้งตื่นขึ้นมา เอาไงวะจะซื้อเลขอะไรดี คิดในใจ เมื่อคืนใส่ซองผ้าป่าไป เขียนหน้าซองว่า……..(ชื่อโรงแรม)407…….. ผมเลยซื้อเลข 407 704 ไปครับ วันนั้นเลยเล่าให้แฟนฟังครับว่าฝันว่าผู้หญิงที่โรงแรมเขามาเข้าฝัน แฟนขนลุกทั้งตัวเลยครับ เย็นวันนั้นบ่าย4โมง หวยมันออกอะไรไม่รู้ 04 ข้างหลัง ด้วยความที่ผมไม่เคยซื่อหวย เลยมองจากตัวข้างหลังมา 04 เหมือนกันเลยว่ะ ข้างหน้าเป็น 7 ก็คงจะดีสิวะ

พระเจ้าช่วยครับ ผมตะลึงเลย หวยมันออก 704 ผมถูกหวยเต็มๆเลยครับ งวดนั้นเลยทำบุญใหญ่เลย แล้วเธอคนนั้นก็หายไปจากชีวิตผมเลย ผมว่าเธอคงไปอยู่ในภพภูมิที่ดีแล้วล่ะครับ หลังจากเรื่องนั้นเกิดขึ้น ผมเลยย้อนไปถามน้องที่สอบตำรวจด้วยกันที่สระบุรี น้องบอกว่า แม่เล่าว่าเมื่อหลายปีก่อนมีผู้หญิงโดนฆ่าแล้วหมกศพไว้ในนั้น แต่ไม่รู้ว่าห้องไหน อยู่ชั้นบนๆ
บวกกับที่ก่อนวันกลับจากโรงแรม ผมไปถามแม่ค้าร้านกระหรี่ปั๊บหน้าโรงแรม ที่แรกเขาไม่บอกหรอกครับ ผมตื๊อเลยบวกกับซื้อของร้านแกเยอะด้วย แกบอกผมว่าเอาอีกแล้วหรอ โรงแรมนี้เจอกันบ่อย ตัวเขาเองเป็นคนรับจ้างมาขายอีกที เจ้าของร้านกระหรี่ปั๊บชื่อดังของสระบุรี เขามาพักโรงแรมนี้บ่อย เจอบ่อยมาก เจอจนชิน
ใครจะคิดยังไงผมไม่รู้นะ แต่ผมเชื่อ ว่าเหตุการ์ณที่เจอกับเธอคนนั้นมีอยู่จริง บวกกับหวยงวดนั้น ทำไมต้องออก 704 เลขมีเป็นร้อยเป็นพัน หากมันเป็นความบังเอิญ ผมคงคิดว่ามันคงบังเอิญมากๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงทุกประการ หากผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยครับ
สุดท้ายนี้ขอให้เรื่องนี้เป็นวิทยาทานในการใช้ชีวิต อย่าอารมณ์ร้อน อย่าใช้ความรุนแรงกันเลยนะครับ จะได้ไม่มีใครที่ต้องไปตาย ในที่ที่ไม่สมควรตาย และต้องอยุ่รอวันที่ได้ไปผุดไปเกิดอีกเลย ขอให้บุญกุศลจากการเล่าเรื่องสู่เพื่อนมนุษย์ในครั้งนี้ จงบันดาลให้เธอคนนั้น ห้อง 407 จงเป็นสุข เป็นสุขเถิด ไปอยู่ในภพภูมิที่ดีด้วยเทอญ สาธุ ขนลุกไปตอนพิมพ์ช่วงท้ายนี้

เปิดตำนาน"ศาลเจ้าพ่อเสือ"เสาชิงช้า

     
     
  "ศาลเจ้าพ่อเสือ"เสาชิงช้า
      โศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ เสือร้ายตรอมใจกระโดดเข้ากองไฟ ที่มา"ศาลเจ้าพ่อเสือ"เสาชิงช้า
ศาลเจ้าพ่อเสือ เสาชิงช้า เป็นศาลที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย แต่เดิมตั้งอยู่ถนนบำรุงเมือง หลังจากการนั้นมีการขยายถนนในสมัยรัชกาลที่ 5 จึงทำให้ต้องมีการย้ายศาลเจ้าพ่อเสือมาไว้ ณ บริเวณ ถนน ตะนาว จนถึงปัจจุบัน ซึ่งปัจจุบันศาลเจ้าพ่อเสือมีอายุมากกว่า 100 ปี และได้รับการคัดเลือกให้เป็นโบราณสถาน ซึ่งอยู่ในการกำกับดูแลของกระทรวงมหาดไทย
ลักษณะอาคารสร้างตามรูปแบบศาลเจ้าที่นิยมทางภาคใต้ของจีน องค์ประธานของศาลเจ้าพ่อเสือ คือ ตั๋วเหล่าเอี้ยหรือเจ้าพ่อใหญ่ เทพเจ้าตั่วเหล่าเอี๊ย หรือองค์เทพเฮี่ยงเทียนเสี่ยงตี่ นั้นเป็นที่นิยมของผู้คนให้พาไปกราบไหว้ขอพรกันอย่างเนืองแน่นในวันตรุษจีน (วันปีใหม่ของจีน) เพื่อให้มีโชคมีชัยตลอดทั้งปี ณ ศาลเจ้าพ่อเสือและยังมี เจ้าพ่อเสือซึ่งชาวจีนถือเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องอภิบาลและปราบปรามศัตรู
ศาลเจ้าพ่อเสือเดิมมีประวัติความเป็นมาตั้งแต่สมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ปีที่ก่อสร้างตรงกับ พ.ศ. 2377 มีความเกี่ยวเนื่องกับวัดมหรรณพาราม

ตามตำนานที่ได้เล่าขานเรื่องของ เจ้าพ่อเสือเล่ากันว่า ยายผ่องและนายสอน สองแม่ลูกที่มีชีวิตลำบาก ด้วยความยากจนทุกๆวันนายสอนจะต้องเข้าป่า ไปเก็บของป่ากลับมาให้มารดาเสมอ วันหนึ่งนายสอนได้ออกหาของป่าเหมือนทุกวันๆ แต่วันนี้ของกลับหายากจึงต้องเดินลึกเข้าไปในป่า เขาได้พบกับซากกวางพึ่งตายใหม่ๆ เขารู้ได้ทันทีว่าจะต้องมีเสือผู้เป็นเจ้าของซากกวางอยู่บริเวณนี้เป็นแน่ แต่ด้วยความกตัญญู นายสอนได้รำลึกถึงมารดา เขาอยากให้มารดาได้รับประทานเนื้อกวางนี้ จึงได้เข้าไปตัดเนื้อกวางมาได้ก้อนหนึ่ง เสือที่ซุ่มอยู่ ได้กระโจนเข้ามากัดนายสอน ขย้ำได้แขนของนายสอนไปข้างหนึ่งและกระโจนจากไป นายสอนจึงค่อยตะเกียกตะกายกลับไปหามารดา แม้จะบาดเจ็บสาหัสแต่ด้วยใจที่รำลึกถึงมารดา เขาได้พาตัวเองกลับมาถึงบ้านได้ เมื่อยายผ่องผู้เป็นมารดาเห็นสภาพบุตรชาย จึงรีบถลาเข้ามา นายสอนเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟังจากนั้นจึงสิ้นใจ
ยายผ่องโศกเศร้าเสียใจเป็นอย่างมากได้นำเรื่องไปแจ้งแก่นายอำเภอเพื่อให้ช่วยตามเสือร้ายนั้นมาลงโทษ นายอำเภอเห็นใจและรวมตัวกับปลัดไปออกตามหาเสือร้ายตัวนั้น หาเท่าใดๆก็ไม่พบ ปลัดจึงไปยังวัดมหรรณพาราม ไปอธิษฐานหลวงพ่อบุญฤทธิ์ และหลวงพ่อพระร่วง (พระประธานใหญ่ในวัดมหรรณพาราม )หลังจากนั้นปลัดได้พบเสือนอนหมอบให้จับอย่างง่ายดาย
เมื่อจับเสือได้ จึงนำตัวมันมาตัดสินประหารชีวิตมัน เสือตัวนี้มิได้ขัดขืนแต่อย่างใด ได้แต่น้ำตาไหลรินออกมาจากนัยน์ตาเสือตัวนั้น จนยายผ่องเกิดความสงสารจึงขอให้ยกเลิกประหารชีวิตเสือตัวนี้ แล้วยายผ่องได้นำเสือตัวนี้มาเลี้ยงแทนบุตรชายที่เสียไป ซึ่งเสือตัวนี้ได้กลายเป็นเสือที่เชื่อง เชื่อฟังยายผ่องด้วยความรัก คอยเฝ้าบ้านเฝ้าเรือนให้ยายผ่อง เมื่อยายผ่องเสียชีวิตไป เจ้าเสือเกิดอาการตรอมใจและเมื่อเผาร่างของยายผ่อง เสือตัวนี้ได้กระโจนเข้าไปในกองไฟด้วยสำนึกใจคุณของยายผ่อง สร้างความสลดใจแก่ชาวบ้าน ชาวบ้านจึงร่วมใจกันสร้างศาล ข้างวัดมหรรณพาราม โดยปั้นรูปเสือไว้พร้อมนำเถ้ากระดูกของมันมาไว้ใต้แท่นและทำพิธีอัญเชิญดวงวิญญาณเสือมาสถิตไว้ เพื่อปกป้องคุ้มครองและสร้างความเจริญแก่ผู้นับถือ